หมวดหมู่: ศิลปะ
จุดเริ่มต้นการเข้าสู่วงการศิลปะ
โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นผู้ที่เป็นศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะนั้นมักจะถูกถามด้วยคำถามนี้เสมอว่า ทำไมถึงมาเป็นศิลปินหรืออะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขานั้นมาเดินทางสายอาชีพศิลปินนี้ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมักจะไม่ค่อยมีใครจำได้มากนักว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือมันมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนไหนหรือจากอะไร
แต่สิ่งเหล่านี้สิ่งที่เป็นศิลปะนั้นจะรู้ตัวอีกทีก็คือพวกเขาชอบที่จะทำและมีความสุขกับการทำสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว ทำให้จุดเริ่มต้นในวงการศิลปะนั้นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการเข้าสู้วงการก็น่าจะเป็นในเรื่องของความชอบในการสร้างสรรค์และชอบจินตนาการและต้องการถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมาให้คนนอกหรือผู้อื่นรับรู้นั่นเองและเมื่อทำสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อยๆก็จะเกิดความความเคยชินและมีการพัฒนาสิ่งเหล่านั้นและกลายเป็นความสุขเมือได้ทำสิ่งเหล่านี้ในทุกๆวันเป็นต้น
ถึงแม้คำถามจากผู้คนมากมายว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการศิลปะนั้นจะเป้นคำถามที่ซึ่งมาได้คำตอบที่ยาก แต่เชื่อว่าศิลปินและผู้สร้างสรรค์หลายคนก็มักจะมีจุดเริ่มต้นไม่ต่างกันมากนักและจุดเริ่มต้นต่างๆเหล่านั้นก็เป้นที่มีของการเป็นศิลปินระดับอาชีพหรือเป็นศิลปินระดับแถวหน้าของประเทศและของโลกได้ ในวงการศิลปะนั้นมีมากมายหลายแขนง
แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นในครั้งแรกนั้นไม่ใช่ว่าศิลปินนั้นจะเข้ามาและเจอสิ่งที่ใช่หรือศิลปะที่ชอบเลยในครั้งแรก ความชอบทางด้านศิลปะสามารถมีการเปลี่ยนแปลงไปได้อยู่เสมอ เมื่อเมื่อเรานั้นได้เข้าถึงและรู้จักกับศิลปะมากขึ้นเราก็จะได้รู้ว่าศิลปะนั้นมีมากมายหลายรูปแบบหลากหลายประเภทและเมื่อเราได้ลงมือทำสิ่งเหล่านั้นเราจะค้นพบว่าในบางครั้งการสร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบอื่นๆนั้น
ก็มีความสนุกไม่แพ้กัน ดังนั้นแล้วจุดเริ่มต้นของวงการศิลปะจึงเป็นจุดเริ่มต้นเล้กๆที่มักจะเกิดจากความชอบในงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการชมการสร้างสรรค์การจิตนาการต่างๆ เป็นต้น เมื่อเกิดความชอบแล้วสิ่งต่อมาก็คือการเรียนรู้เมื่อชอบเราก็อยากที่จะรู้ว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือมีความเป็นมาอย่างไรนั่นเอง
ก็ทำให้เรารู้จักศิลปะมากขึ้นและนี่ก้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเข้าสู่วงการ เพราะการที่เราจะเข้าสู่วงการศิลปะได้นั้นก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายวงการศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว ผันแปรได้เสมอ เพราะศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับจินตนาการ อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ ในช่วงที่เข้าสู่วงการศิลปะได้นั้นหลังจากนั้นอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
เพราะหากเมื่อเราต้องทำศิลปะเป็นงานก็ต้องดูว่าเรานั้นยังมีความสุขอยู่ไหมและสิ่งนี้ถือว่าเป็นปลายทางของจุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการศิลปะนั่นเอง เพราะถ้าหากเมื่อเข้าไปแล้ว เราจะต้องทำงานสิลปะซ้ำไปซ้ำมาแล้วเราไม่เกิดความสุขสุดท้าแล้วนั้นศิลปะก็ไม่ใช่ตัวตนของเรานั่นเอง แต่วงการศิลปะถือว่าเป็นวงการที่เปิดโอกาสให้คนมากมายให้ได้ค้นว่าว่าศิลปะนั้นคือตัวตนของเราหรือไม่
ดังนั้นแล้วการจะเริ่มต้นเพื่อเข้าสู่วงการศิลปะนั้นก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เลยและไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลาเพราะสุดท้ายแล้วถ้าหากศิลปะไม่ใช่ตัวตนของเราอย่างน้อยศิลปะก็อาจจะเป็นตัวช่วยในการขัดเกลาจิตใจของเราอยู่ช่วงหนึ่งได้นั่นเอง
ได้รับการสนับสนุนโดย www.ufabet.com เริ่มเดิมพัน
ความเกี่ยวข้องระหว่างศิลปะกับดนตรี
ศิลปะนั้นหากพูดในความหมายขว้างๆก็อาจจะหมายถึงทุกสิ่งที่เกิดจากความสร้างสรรค์ที่มาจากจินตนาการของคนๆหนึ่งซึ่งในบางครั้งมักจะเกิดจากผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะและจึงสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างแตกต่างจากคนอื่นเป็นต้นหรือในบางครั้งศิลปะก็หมายถึงรูปวาดการสร้างสรรค์ผลงานด้านฝีมือ มีความประณีตที่ผู้สร้างสรรค์นั้น
ตั้งใจที่จะถ่ายทอดออกมาและมีคอารมร์และความรู้สึกรวมอยู่ในนั้นด้วยและแน่นอนว่าศิลปะก็รวมถึงการสร้างสรรค์ดนตรีและเพลงต่างๆด้วยเช่นกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นศิลปะกับดนตรีหลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน
หากจะคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิดเพราะถึงแม้จะเป็นการสร้างสรรค่นเดียวกันแต่ในการบวนการการสร้างสรรค์นั้นถือว่ามีความคล่ายคลึงกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะศิลปะนั้นเป็นสิ่งที่มีมากมายหลายประเภทและมีการแบ่งประเภทแยกย่อยออกไปมากมาย ในทางเดียวกันดนตรีและเพลงก็เช่นเดียวกัน และสิ่งนี้จึงทำให้ศิลปะนั้นจึงมักมีความเกี้ยวข้องกับดนตรีอยู่เสมอๆด้วย
การเกิดขึ้นในยุคต่างๆของศิลปะไม่ว่าจะเป็นศิลปะการวาดภาพ การปั้น การหลอม หรือการสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนุ่งก็มักเป็นสิ่งที่เกิดควบคู่มากับดนตรีเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการระบุหรือบันทึกไว้อย่างแน่ชัดว่าแท้จริงแล้วนั้นศิลปะกับดนตรีมีการเกิดขึ้นพร้อมกันจริงหรือไม่แต่ความเป็นไปได้นั้นก็คือศิลปะกับดนตรี
มักเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันนักโบราณคดีมักจะบอกว่าในการสร้างสรรค์ศิลปะในยุคก่อนๆนั้นก็มีการบันทึกเรื่องราวและเหตุการร์ต่างๆไว้ตามผนังถ้ำหรือตามหน้าฝาที่สามารถจะจารึกหรือวาดภาพต่างๆได้ก็มีการแสดงไว้ว่าในการบันทึกเหล่านั้นก็มักจะมีเหตุการร์ในการบ้อมวงและเล่นดนตรีคล้ายกับว่าเป็นดนตรีพื้นบ้านด้วย
ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบนั้นอาจจะไม่ได้มีการะบุอย่างชัดเจนว่าในภาพวาดนั้นคือเครื่องดนตรีอะไรและมีวิธีการใช้เช่นไรก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พอจะทำให้คาดเดาได้ว่าศิลปะและดนตรีนั้นเกิดขึ้นมาในยุคพร้อมๆกันและมีการพัฒนาเจริญเติบโตไปในแต่ละยุคสมัยที่ค่อนข้างจะคล้ายกันอีกด้วย และยังสันิษฐานได่ออีกว่าในยุคที่มีการสร้างสรรค์ศิลปะในช่วงแรกนั้นก็มีการใช้ดนตรีต่างๆ
มาเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสร้างสรรค์ได้เช่นเดียวกับในปัจจุบันที่ผุ้สร้างสรรค์ศิลปินส่วนใหญ่นั้นมักก็จะมีการใช้เสียงดนตรีหรือเครื่องดนตรีต่างๆในการสร้างอารมณ์และความรู้สึกก่อนเพื่อจะสร้างสรรค์และแสดงสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาได้เช่นเดียวกัน เพราะสิ่งนี้คาดว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอนเพราะสิ่งที่ทำกันอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนั้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัยและมีการนำมาพัฒนาเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เอื้ออำนวยประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์นั่นเอง
สนับสนุนโดย ดาวน์โหลด Gclub
Tom of Finland ศิลปินผู้นำเสนอศิลปะ
Tom of Finland ศิลปินผู้นำเสนอศิลปะอัตลักษณ์ของชาวเกย์
คงไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า Tom เป็นผู้มีอำนาจอย่างที่สุดสำหรับการสร้างคาแรคเตอร์ของชาวเกย์ โดยถ่ายทอดอออกมาเป็นรูปภาพ และในรูปภาพของเขาได้จุดแรงจูงใจ และกระแสเรื่องเพศให้กับกรุ๊ปชายรักชาย ที่มีมานานหลังจากสงครามโลก ด้วยการประสมประสานความเป็นผู้ชายแบบสุดขั้ว ทั้งยังจากอำนาจของชุดแต่งกายแบบทหาร ตำรวจ ลูกจ้างก่อสร้าง และเน้นภาพที่เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจนของผู้ชาย ภาพของเขาปล่อยความเครียดที่เกิดขึ้นของคนจากกฎเกณฑ์สังคม แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นอุดมคติเพศวิถีที่สืบเนื่องกันมายาวนานถึงตอนนี้
ชั่วชีวิตของ Tom of Finland เขาสร้างผลงานไว้มากมาย และมีการเผยแพร่เป็นสิ่งพิมพ์นับไม่ถ้วน แถมยังถูกนำไปทำเป็นตราไปรษณียากรของไปรษณีย์ประเทศฟินแลนด์ ถูกนำมาดัดแปลงเป็นโครงเรื่องของหนังผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นหนัง ชื่อของเขาเปลี่ยนมาเป็นมูลนิธิช่วยเหลือนักแสดง ศิลปินที่เป็นเกย์
จุดเปลี่ยนของทอมที่ทำให้สร้างสรรค์ผลงานสไตล์นี้ออกมานั้น แรกเริ่มเดิมทีเขาได้กลายไปเป็นทหารซึ่งร่วมกับข้างของนาซี ตอนปี 1940 ในระยะนี้เองที่สายตาของเขาดันไปโฟกัสอยู่กับชุดแต่งกายแนบเนื้อของสังคมทหาร ที่เป็นชายล้วน
เมื่อจบการทำศึกสงครามนั้น เขาส่งรูปภาพที่เขาวาดขึ้นไปเผยแพร่ในแมกกาซีนอเมริกัน Physique Pictorial ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น แมกกาซีนสำหรับชายเพาะกาย บ่อยครั้งที่เขาได้ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขภาพเหตุการณ์ที่เมื่อมองปกติก็เป็นเพียง กิจกรรมกีฬาเตะบอลกันให้เปลี่ยนเป็นแฟนตาซีทางเพศไปได้ ถัดมายังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมไบค์เกอร์ด้วย
งานของเขาจุดประกายให้คนออกมาแต่งตัวตามความชอบ พยายามเรียกร้องสิทธิที่จะมีร่างกายในแบบที่ตนเองพึงจะมี ต้องการแสดงออกแล้วก็มีเซ็กซ์ลักษณะเดียวกันกับที่ทอมวาด ทั้งยังถูกใช้เป็นเครื่องหมายสำหรับในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของกรุ๊ป LGBTQ+ เหมือนกัน
มีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบใจกับแนวทางการชื่นชมภาพอำนาจความเป็นผู้ชายที่เป็นพิษ ในงานของทอม แต่อย่างไรก็ตาม แม้อ่านงานของเขามากๆ เข้าจะมีความเห็นว่า รูปวาดของทอมนั้นมิได้สนับสนุนขั้วอำนาจดังกล่าวเลยสักนิด
ไอเดียการผลิตภาพที่เกี่ยวกับความเป็นผู้ชายในแบบฉบับที่อิสระ แบบที่ใจของทอมคิดไว้ ถูกส่งต่อกันมาจากศิลปินผู้ที่สังคมในยุคนั้นไม่ได้ยกย่อง สู่วัฒนธรรมที่เป็นอิทธิพลให้กับศิลปินคนอื่นๆ อีกมากมาย นำมาถึงแบรนด์แฟชั่นในยุคนั้นด้วย
นอกจากนี้ไนต์คลับเกย์ทั่วทั้งโลกจากยุโรปถึงทวีปเอเชีย พวกเราจะพบผู้คนที่แต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนของ Tom of Finland เดินไปเดินมาอย่างขวักไขว่ แม้ว่าในปัจจุบันการแต่งตัวของชาวเกย์จะไม่ได้ยึดติดอยู่กับเสื้อกล้ามรัดๆ ตามแบบของทอมแล้ว แต่ว่างานของทอมนั้นก็ยังคงถูกพูดถึงเสมอในแวดวงงานศิลปะ
สนับสนุนโดย Sexy Gaming
ศิลปะจัดสวนแก้ว
การจัดสวนแก้วถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ได้รับความเป็นนิยมในปัจจุบัน ด้วยความสวยงามและสีเขียวของธรรมชาติ ถูกจัดสรร แต่งเติมให้อยู่ในสวนแก้วหรือโหลแก้ว แม้จะมีขนาดถือเล็กแต่ความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่ในสวนแก้วนั้นกลับมีความสวยงาม น่ามองเป็นอย่างยิ่ง
การจัดสวนแก้ว เปรียบเหมือนการออกแบบศิลปะธรรมชาติให้มาอยู่ในสวนแก้วได้อย่างสวยงาม โดยการนำต้นไม้ พืชพันธุ์ไม้และหินต่างๆ มาจัดวางให้เป็นสวนขนาดย่อมที่อยู่ในโหลแก้วได้อย่างสวยงาม บางครั้งอาจมีการจัดสวนประกอบการสร้างเรื่องราวโดยนำตุ๊กตาจำลองมาใส่ และสร้างเป็นบ้านไม้ขนาดเล็ก คล้ายบ้านตุ๊กตา เป็นการจำลองวิถีชีวิตของมนุษย์ลงไปในสวนเหล่านั้นด้วย นอกจากจะทำให้เกิดเป็นศิลปะที่มีความสวยงามแล้วยังเกิดเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามได้อีกด้วย
การจัดสวนแก้วต้องใช้ความสามารถในด้านศิลปะผสานกับความสามารถในการปลูกต้นไม้ หากมีแค่ความสามารถอย่างหนึ่งอย่างใดคงไม่อาจทำให้ศิลปะสวนแก้วเป็นผลงานที่สวยงามได้ จะปลูกต้นไม้โดยปราศจากความคิดสร้างสรรค์ในการจินตนาการภาพเพื่อจัดสวนก็คงไม่ได้ กลับกันถ้ามีความคิดสร้างสรรค์แต่ปราศจากการความรู้ในเรื่องการปลูกต้นไม้ ก็คงไม่สามารถปลูกต้นไม้ให้เจริญงอกงามได้
รูปแบบในการจัดสวนแก้วมีด้วยกันทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่
1.การจัดสวนแก้วแบบแห้ง เป็นการใช้พรรณไม้อวบน้ำในการจัดสวน
2.การจัดสวนแก้วแบบชื้น เป็นการใช้พรรณไม้น้ำในการจัดสวน
วัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดสวนแก้ว
- แก้วหรือโหลใส รูปทรงใดก็ได้ไม่ว่าจะทรงกลม ทรงเหลี่ยม
- ดินและทราย อาจจะใช้ทรายธรรมชาติหรือทรายมีสีก็ได้
- หิน สามารถเลือกใช้เป็นหินประดับที่มีความงดงามก็ได้
- พรรณไม้อวบน้ำและหรือพรรณไม้น้ำ เลือกได้ตามความต้องการของเรา
- ช้อนปลูก
- พู่กัน ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
7.มีดคัตเตอร์และกรรไกร
- ชุดเขียนแบบเพื่อใช้ในการวาดรูปออกแบบสวน ประกอบด้วย กระดาษวาดเขียน ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด
ขั้นตอนการจัดสวนแก้ว
- ออกแบบสวน โดยการเขียนแบบ ซึ่งจะเป็นการจินตนาการขึ้นมาเองหรือจะวาดภาพเลียนแบบจากธรรมชาติก็ได้
- เตรียมวัสดุ/อุปกรณ์ที่จะใช้ในการจัดสวน ประกอบด้วย พรรณไม้ ทราย หิน และอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ
- ทำความสะอาดขวดแก้วหรือโหลแก้ว
- นำทรายโรยลงไปก้นแก้ว ให้ทรายสีความสูงขึ้นจากก้นแก้วเพียงเล็กน้อย
- นำดินลงไปผสม โดยผสมตามชนิดของพรรณไม้ที่จะใช้จัดสวน พยายามไม่ให้ดินปลูกมีความสูงกว่าทราย
- นำทรายมาข้างแก้วตามที่ออกแบบไว้ และตามด้วยดินปลูก ทำสลับกันไปจนกว่าจะเสร็จ)
- นำหินมาวางประดับ หรืออาจนำของตกแต่งอย่างอื่นมาวางประดับด้วย เช่น ตอไม้
- นำหินเกร็ดมาโรยทับดินปลูก และนำแปรงมาปัดหินให้สะอาดเรียบร้อย
- นำน้ำมาฉีดพรมภายในแก้วให้ทั่วถึง
- เช็ดโหลแก้วทั้งภายใน ภายนอกและด้านข้างให้สะอาด
- เมื่อเสร็จแล้วให้นำโหลแก้วไปวางรับแสงแดด
เพียงเท่านี้เราก็จะได้สวนแก้วอันเป็นธรรมชาติขนาดย่อมๆมาไว้ในบ้านเราได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถมอบเป็นของขวัญให้แก่คนพิเศษได้ ที่สำคัญศิลปะจัดสวนแก้วยังช่วยบำบัดสภาพจิตใจได้ด้วย เพราะการที่ได้เห็นสีเขียวจากธรรมชาติจะช่วยผ่อนคลายความเครียด เรียกได้ว่าได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และยังช่วยให้ผ่อนคลายสมองด้วย
ได้รับการสนับสนุนโดย sexybaccarat
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
สำหรับวันวิทยาศาสตร์นั้นโดยปกติแล้วจะตรงกับวันที่ 18 เดือนสิงหาคมของทุกปีโดยปกติแล้ววันวิทยาศาสตร์นั้นไม่ค่อยจะมีบทบาทอะไรกับประชาชนทั่วไปมากนักแต่จะมีบทบาทกับนักวิทยาศาสตร์และนักเรียนนักศึกษาซึ่งในวันวิทยาศาสตร์นั้นทุกคนก็จะต้องมีการจัดกิจกรรมภายในโรงเรียนโดยนำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องวิทยาศาสตร์มาแสดงให้กับนักเรียนนักศึกษาในโรงเรียนได้ชมกันอย่างไรก็ตามสำหรับการกำหนดวันวิทยาศาสตร์ครั้งแรกว่าตรงกับวันที่ 18 สิงหาคมนั้น
สืบเนื่องมาจากตั้งแต่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขนาดนั้นยังไม่มีวันวิทยาศาสตร์แต่อย่างใดแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยมีการทำนายพยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องของวันสุริยุปราคาเต็มดวงซึ่งพระองค์ทำนายล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จริงไว้ 2 ปีโดยพระองค์ทำนายว่าวันที่ 18 เดือนสิงหาคมปีพ.ศ๒๔๑๑
จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงขึ้นและแน่นอนว่าสถานที่ที่จะเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงได้ก็คือบริเวณเกาะการที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์รวมถึงที่ปราณบุรี และจังหวัดชุมพรก็จะสามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงนี้ด้วยดังนั้นเมื่อถึงวันที่ 18 สิงหาคมตรงกับที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการทำนายเอาไว้ประชาชนจึงได้เดินทางไปตามจุดที่พระองค์เคยทำนายเอาไว้ นั่นก็คือ ที่เกาะจาน รวมถึงพระองค์เอง
ก็ได้เดินทางไปยังเกาะจานด้วยเช่นเดียวกัน เพราะพระองค์อยากเห็นด้วยตาของพระองค์เองซึ่งในขณะนั้นมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้ดำเนินการเป็นตัวแทนไปทำการสร้างค่ายและที่ประทับไว้รอให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประทับดูสุริยุปราคาอีกครั้งในวันดังกล่าวนั้นยังมีนักดาราศาสตร์จากประเทศฝรั่งเศสและยังมีเจ้าเมืองของประเทศสิงคโปร์ร่วมไปดูพร้อมกัน
กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในวันดังกล่าวนั้นเกิดสุริยุปราคาขึ้นจริงๆตามที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงทำนายและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทำให้ทางสมาคมวิทยาศาสตร์ได้มีการกำหนดวันที่ 18 เดือนสิงหาคมเป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ และได้มีการกำหนดให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และจากเหตุการณ์ที่ไปดูสุริยุปราคาเต็มดวงในครั้งนั้นที่หมู่บ้านอำเภอบ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ก็ได้มีการจัดตั้งสถานที่แห่งนั้นเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์ ซึ่งที่นั่นได้มีการทำพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโปรดให้มีการทำกิจกรรมต่างๆมากมายเกี่ยวกับเรื่องของพวกรวมดาว
อีกทั้งยังได้ทรงให้สร้างหอดูดาวเอาไว้ที่จังหวัดเพชรบุรีอยู่บนเขาวังซึ่งการก่อสร้างในครั้งนั้นมีการก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมปีพศ 2403 และนับตั้งแต่พระองค์ทรงสนใจศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องของดาราศาสตร์พระองค์ก็สามารถเห็นดาวหางได้ถึง 3 ดวงเล็กอันนั้นได้แก่ดาวหาง ฟลูเกอร์กูส ดาวหางโดนาติ ดาวหางเทพบุท
ได้รับการสนับสนุนโดย สูตร เซ็กซี่ บาคาร่า ฟรี 2020
ยุคหินและการเปลี่ยนแปลงทางงานศิลปะ
ยุคหินเป็นยุคที่ผู้คนให้ความสนใจในการศึกษาไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของผู้คนหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะในการทำงาน ว่าจะเป็นการแสดงถึงอารยธรรมต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาต่างๆเพราะยุคหินมีการแบ่งยุคต่างๆมากมายถึง 3 การเปลี่ยนแปลงของลักษณะการอยู่อาศัยของผู้คนหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการส่งต่อเรื่องราวความเชื่อต่างๆศาสนาหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการสร้างเพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆ งานศิลปะถูกสร้างขึ้นมามากมายไม่ว่าจะเป็นการสร้างหุ่นรูปปั้น
หรือแม้แต่เป็นการเจาะหินต่างๆให้เป็นรูปร่าง อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยต่างๆในการพัฒนางานต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอผู้คนมักจะมีการปั้น สร้างลวดลายต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการใช้การสร้างประติมากรรมในถ้ำผู้คนก็มีการพัฒนาอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงของงานต่างๆมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงของยุคหินเก่ามนุษย์ยังไม่มีการสร้างรูปปั้นประติมากรรมที่มีความโดดเด่นค่อนข้างเยอะ
ส่วนใหญ่ก็จะถูกต้อง เป็นรูปสัตว์ต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นงานเขียนต่างๆซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ยุคหินก็เริ่มมีการพัฒนางานในการใช้หรือระบายสีบนฝ่าถ้ำมีเพียงเท่านั้นแล้วด้วยการใช้ สีจากเลือด หรือสีจากดิน และสีจากธรรมชาติอีกมากมาย อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ต่างๆมีการพัฒนาอยู่ข้างเยอะผนังถ้ำก็คือสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงระยะทางในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้ชีวิตของผู้คนไม่ว่าจะเป็นการเซาะร่องให้เป็นสัตว์ที่อยู่ในระหว่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปวัว รูปสัตว์ต่างๆที่เล่ามาเป็นอาหาร การแบ่งยุคสมัยมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
ผู้คนแต่ละยุคสมัยมีความต้องการในการพัฒนางานอยู่เสมอ เขายกต่อมาเป็นยุคหินกลาง สืบค้นได้ว่าศิลปะในช่วงนี้มีการบันทึกเรื่องราวได้ว่าผู้คนเริ่มมีการทำการเกษตรหรือแม้แต่จะเป็นการพึ่งพาตัวเอง มีลักษณะในการเลี้ยงสัตว์หรือว่าทำงานต่างๆที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นเครื่องไม้เครื่องมือในการใช้งานต่างๆ
ยกสุดท้ายเป็นยุคหิน เป็นยุคสุดท้ายที่มนุษย์ยุคหิน เริ่มมีการออกล่าสัตว์เป็นกลุ่มหรือแม้แต่จะเป็นการอยู่โดยสังคมอย่างไรก็ตามที่จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่บ่งบอกได้ว่าแต่ละยุคสมัยมีการพัฒนางานศิลปะอยู่ตลอดเวลาผู้คนต่างๆให้ความสนใจในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการทำงาน
หรือสังคมต่างๆการเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้เองศิลปะคือสิ่งที่ช่วยจดบันทึกเรื่องราวต่างๆในอดีตไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ผู้คนจะหยุดแต่สมัยก็มีการถนัดการอยู่อาศัยหรือการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติเข้ามาทำงานศิลปะก็ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่แต่ละยุคสมัยมีการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความเชื่อ การส่งต่อเรื่องราวต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการบูชาเทวรูปต่างๆที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา นี่เองจะเป็นส่วนสำคัญที่การพัฒนายุคสมัยต่างๆมีส่วนช่วยให้ผู้คนมีการพัฒนาความรู้หรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีมากยิ่งขึ้น
ได้รับการสนับสนุนโดย สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ
ความเป็นมาของงานศิลปะในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่รวบรวมงานศิลปะจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีจิตรกรตามยุคตามสมัยต่างๆซึ่งตัวเหล่านี้เองเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่แต่ละยุคสมัยมีลักษณะของงานที่แตกต่างกัน ทุกคนให้ความสนใจในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการทำงานหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการพัฒนารูปแบบของงานศิลปะโดยมากเพราะน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน สถาปัตยกรรม รวมถึงงานประติมากรรมต่างๆก็มีงานต่างๆให้ได้เห็นพื้นฐานของงานศิลปะต่างๆเหล่านี้ถูกซึมซับตามยุคตามสมัยต่างๆ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การศึกษาต่างๆได้มีการพัฒนาที่ตั้งเยอะตั้งแต่เด็กในวัยประถมก็มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับงานศิลปะเบื้องต้นเป็นการระบายความรู้สึกความคิดใช้จินตนาการต่างๆการทำงาน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงแต่ละยุคสมัยที่มีการพัฒนาการทำงานกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้งานต่างๆเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนต่างๆให้การพัฒนารูปแบบ
โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์ผลงานให้เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ยังไงก็ตามเราอาจจะไปวัดโบสถ์หรือตามสถานที่ต่างๆเห็นงานจิตรกรรมฝาผนังเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าถึงการสร้างสรรค์ผลงานที่เกี่ยวข้องกับการแกะสลัก การหล่อหลอม หรือแม้แต่จะเป็นปฏิมากรรมน้ำตามสถานที่ต่างๆตามยุคสมัย
ซึ่งศาสนาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่นำมาใช้เพื่อการทำงานศิลปะ อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของกิจกรรมต่างๆที่ถูกถ่ายทอดมาเป็นระยะเวลานาน ประติมากรรมต่างๆในประเทศไทยที่เห็นตามวัดโปรดส่วนใหญ่ก็จะเป็นประติมากรรมเกี่ยวกับการศึกษาหรือวรรณคดีต่างๆที่นำมาเกี่ยวเนื่องกับผู้คนที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงศาสนาได้ไม่ได้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับนรกสวรรค์ หรือความเชื่อต่างๆ เอาคนไทยมีคติเกี่ยวกับความชื่นชอบหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาเป็นจำนวนมากอย่างไรก็ตามนี่เองจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันศรัทธาต่างๆได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะเพื่อให้เข้าถึงผู้คนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบของศิลปะในประเทศไทยซึ่งมีหลากหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของศรีวิชัย สมัยลพบุรี สมัยเชียงแสน สมัยสุโขทัย รวมทั้งยังมีในส่วนของสมัยอู่ทอง และอยุธยา
ศิลปะต่างๆเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือมีการเปลี่ยนวัฒนธรรมค่อนข้างมากปฏิมากรรมต่างๆถูกผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับต่อผู้คนแต่ละยุคแต่ละสมัย ในยุคปัจจุบันผู้คนต่างๆมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของผู้คนผ่านสิ่งต่างๆเหล่านี้ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนง่ายมากขึ้นอย่างไรก็ตามแต่ยุคสมัยก็มีลักษณะหรือวัฒนธรรมในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน
ผู้คนต่างๆมีความเป็นอยู่หรือความเชื่อที่แตกต่างกันนี่เองจึงเป็นส่วนสำคัญที่ศิลปะเข้ามาเป็นสื่อกลางในการเข้าถึงผู้คนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงของลักษณะในการใช้ชีวิตของผู้คน
ได้รับการสนับสนุนโดย เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์
การบันทึกเรื่องราวผ่านยุคสมัย
ความอิสระทางศิลปะนั่นคือการแสดงออก หรือการทำภาพเสียงหรือสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันสังคมมนุษย์มีการพัฒนาที่ข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นทั้งอุปกรณ์หรือแม้แต่จะเป็นสภาพสังคมกิจกรรมต่างๆในปัจจุบันความเชื่อหรือแม้แต่จะเป็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่มีงานศิลปะมีจำนวนมากเกิดขึ้นมาประติมากรรมภาพวาดภาพเขียน หรือแม้แต่จะเป็นงานปั้นแกะสลักต่างๆก็มีการเกิดขึ้นมากมาย
อุปกรณ์ต่างๆที่มีการพัฒนาที่ว่างเยอะอย่างไรก็ตามที่จะเป็นสำคัญอย่างยิ่งที่งานศิลปะร่วมสมัยคือการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ที่ผู้คนต่างประเทศต่างๆต้องการจะสื่อให้ผู้คนได้เห็นผลงานศิลปะเป็นสิ่งที่ สามารถสื่อถึงทุกคนได้และสามารถตีความไปตามแบบที่ทุกคนคิดหรือเจอได้ ศิลปะจึงมีมากมายหลายแบบการทำงานศิลปะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นการสร้างรูปทรงต่างๆการสร้างรูปแบบต่างๆ
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอผู้คนมีการให้ความสำคัญในการเรียนรู้ศิลปะต่างๆ สาเหตุเป็นเพราะศิลปะคือการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการทำงานที่แสดงออกให้เห็นว่าในแต่ละยุคสมัยในสังคมในช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง
ยกตัวอย่างเช่นในยุคปัจจุบันที่มีเหตุการณ์เกี่ยวกับทางด้านการเมืองเรื่องเยอะ งานร่วมสมัยต่างๆในยุคปัจจุบันก็จะออกไปในทางการแสดงความเห็นทางด้านการเมืองหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนางานต่างๆให้มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามที่เป็นส่วนสำคัญที่ในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงานการพัฒนางานศิลปะต่างๆซึ่งมีทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีมีการพัฒนาที่ยั่งเยอะ
ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือแม้แต่ส่วนบุคคลและเทคนิคต่างๆที่เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานศิลปะในยุคปัจจุบันเป็นจำนวนมาก ทุกคนก็สามารถเข้าถึงงานด้วยกันได้มากยิ่งขึ้นจึงทำให้ในยุคปัจจุบันงานร่วมสมัยมีการเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากและเป็นจำนวนมากสามารถหาได้เดี๋ยวแม่จัดการสร้างเนื้อสร้างตัวจากการทำงานศิลปะในยุคปัจจุบัน
การบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นยกตัวอย่างเช่นงานจากสมัยกรุงศรีอยุธยาที่แสดงถึงเหตุการณ์การทำสงครามการเจริญรุ่งเรืองของเมืองต่างๆ หรือแม้แต่เป็นการแพทย์สำคัญต่างๆ รวมถึงความเชื่อทางสังคมซึ่งอาการเหล่านี้ถูกพัฒนาให้เป็นการศึกษาทั้งสิ้นหากลงไปวัดเก่าๆ เราก็เห็นงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับศาสนานี่ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่นักศึกษาเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องในอดีต หรือแม้แต่จะเป็นการบอกต่อว่าเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นในอดีตคือความผิดพลาดอย่างไรได้บ้างนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่เรื่องราวต่างๆถูกส่งผ่านรุ่นต่อรุ่นจากงานศิลปะทั้งสิ้น
สนับสนุนเรื่องราวโดย ufabet
ศิลปะที่ไม่หยุดแค่การมองไม่เห็น
ศิลปะ คือ ผลงานความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่ถูกแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นละคร นิทาน ภาพวาด
บทประพันธ์ เป็นต้น ศิลปะเหล่านี้สามารถสุนทรียภาพ ความประทับใจและสร้างความสะเทือนอารมณ์ได้ในคราวเดียวกัน ตามแต่เจตนารมณ์ของศิลปิน
ปัจจุบันในประเทศไทยมีมูลนิธิที่ก่อตั้งมาช่วยเหลือผู้พิการทางสาย และช่วยฝึกการใช้ชีวิตให้แก่ผู้พิการทางสายตาเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่แตกต่างจากคนปกติทั่วไป ที่สำคัญยังช่วยฝึกฝนในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้จากการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านคอมพิวเตอร์ ด้านงานฝีมือ ด้านทำอาหาร และโดยเฉพาะด้านศิลปะ เพราะศิลปะกับผู้พิการทางสายตาเป็นเรื่องที่เราจะนำมาพูดถึงกันในวันนี้
ศิลปะไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่มีการแบ่งถูกผิด ไม่จำกัดความสามารถ ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะออกมาได้
ขอเพียงแค่มีจิตวิญญาณของศิลปิน มีความต้องการที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะก็สามารถเป็นศิลปินได้ แม้กระทั่งผู้พิการทางสายตา หลายคนอาจจะคิดว่าผู้พิการทางสายตาต้องใช้ชีวิตลำบากกว่าคนปกติหลายๆอย่างที่คนปกติทำได้ ผู้พิการทางสายตาอาจทำไม่ได้ ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผู้พิการทางสายตาอาจมีความบกพร่องในอวัยวะของร่างกายในส่วนการมองเห็นก็จริง
แต่ความบกพร่องนั้นก็ไม่สามารถจำกัดขีดความสามารถของพวกเขาได้ พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะออกมาได้ ผ่านโลกที่มืดมิด แม้จะมองไม่เห็น แต่จินตนาการและหัวใจของความเป็นศิลปินของพวกเขามีไม่น้อยไปกว่าศิลปินที่มีอวัยวะครบ 32 ประการเลย
ศิลปะช่วยบำบัดความเศร้า เพิ่มความสุข เสริมสร้างสุนทรียภาพให้แก่ผู้พิการทางสายตา เพราะการได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป การระบายสี การประดิดประดอย งานปั้น งานประติมากรรม การที่ผู้พิการทางสายตาได้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ออกมาจะทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจในความสามารถของตัวเอง เพราะแม้พวกเขาจะมองไม่เห็น ไม่สามารถเห็นผลงานของตัวเองได้
ทำได้เพียงการสัมผัส แต่การที่ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากจินตนาการออกมาก็ทำให้พวกเขามีความสุขได้ ภูมิใจในความสามารถของตนเองและหากยิ่งมีผู้ที่ชื่นชอบ สนใจในผลงานของพวกเขายิ่งทำให้พวกมีกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้ และที่สำคัญผลงานศิลปะเหล่านั้นยังเป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพของพวกเขาได้ด้วย
ศิลปะอาจเป็นเรื่องที่ใครหลายคนมองข้ามในขณะที่ตนเองมีร่างกายครบ 32 ประการ มีความสามารถที่จะทำได้ แต่กลับเป็นเรื่องสำคัญและมีค่าต่อใจของคนบางกลุ่ม เพราะพวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ ทำได้แค่จินตนาการและสัมผัสผลงานของตัวเองออกมา แต่นั่นกลับต่อชีวิตของพวกเขาไปได้อีกนาน ศิลปะเหมือนเป็นยา เป็นแรงขับเคลื่อน เป็นอาชีพให้แก่ผู้พิการทางสายตา ศิลปะไม่เพียงแค่สร้างความสวยงามให้แก่ผลงาน
แต่ยังสร้างความสวยงามให้แก่ชีวิตใครอีกหลลายคน และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิลปินด้วย แม้ศิลปินผู้นั้นจะถูกจำกัดด้วยการมองไม่เห็น แต่นั่นก็ไม่สามารถจำกัดความสามารถของพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย
สนับสนุนโดย สูตร sexy baccarat
ภาพวาด The Scream
ธันวาคม 15, 2020
ศิลปะ
ปิดความเห็น บน ภาพวาด The Scream
adminone
The Scream เป็นภาพวาดที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากเลยทีเดียวโดยภาพวาดนี้นั้นถูกสร้างสรรค์จากศิลปินชื่อดังอย่าง เอ็ดวัต มุงก์ ศิลปินชื่อดังชาวนอร์เวยที่ได้รับการประมูลภาพวาด The Scream ไปด้วยมูลค่าถึง 119.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว หรือราวๆประมาณ 3,597 ล้านบาท ซึ่งถือว่าได้ทำลายสถิติการประมูลภาพวาดชื่อของศิลปินโลกอย่างปิกัซโซไปด้วยนั่นเอง
โดยภาพวาดนี้นั้นถูกสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1893 ภาพวาดนั้นเป็นภาพที่ใช้เทคนิคการสร้างสรรคืที่มีความสวยงามด้วยการใช้สีน้ำมันและสีชอร์ค ผสมผสานกันโดยมีการวาดลงบนกระดาษขนาด 91×73.5 Cm.
ปัจจุบันนี้นั้นภาพวาด The Scream ได้มีการตั้งอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติในกรุงออกโล ประเทศนอร์เวย์บ้านเกิดของเอ็ตวัต มุงก์ นั่นเอง The Scream นั้นเป็นภาพวาดที่มีความหมายถึงเสียงร้องอันกึกก้องอันโหยหวน โดยลักษณะภาพและการสร้างสรรค์นั้นถือว่ามีการบรรยายภาพออกมาได้เป็นอย่างดี โดยในภาพนั้นประกอบไปด้วยชายคนหนึ่งที่มีลักษระตัวคล้ายกับโครงกระดูกและสถานที่ที่ชายในภาพยืนอยู่นั้นหก็คือบนสะพาน
โดยในภาพนั้นมีการวาดด้านหลังเป็นลักษระที่มีท้องฟ้าและแม่น้ำที่มีสีที่ค่อนข้างจะแตกต่างออกไปจากความเป็นจริงและสีในภานั้นถือว่าเป็นสีที่ดูและวังเวงอย่างบอกไม่ถูก โดยท้องฟ้าและแม่น้ำนั้นก็มีการวาดออกมาอย่างลงตัวด้วยลักษระที่มีความคดโค้งไปมาและรับกับตัวของขายคนนั้นอย่างปหาและรูปร่างที่ออกจะโค้งนั่นเอง
ชายในภาพวาดนั้นลักษณะเอามือผิดหูตัวเองไว้ทั้งสองข้างมีสีหน้าคล้ายกับกำลังกลัวบางสิ่งบางอย่าง ทำให้ภาพนี้นั้นมีลักษระคล้ายกับว่ามีเสียงกึกก้องกำละงแพร่ขยายไปทั่วทั้งภาพ เส้นสีในภาพก็แสดงได้ถึงความร้อนผ่าวและความรู้สึกสะเทือนด้วยความเจ็บปวดและความหวาดระแวงที่ชายในภาพนั้นต้องพบเจอ
ภาพวาด The Scream นั้นเป็นภาพที่มีการสร้างในเรื่องของทัศนธาตุได้อย่างลงตัวและสวยงามมาก มีการใช้สีดทนร้อนที่เป็นสีที่สื่อถึงอารมร์หวาดกลังและวาดระแวงได้เป็นอย่างดีและการใช้สีก็ถือว่าสอดคล้องกับชื่อภาพด้วยนั่นเอง ศิลปินได้มีการใช้เทคนิคในการวาดภาพโดยใช้พู่กันในการปัดและไล่สีอย่างอ่อนช้อยและประณีตแต่ลักษระการปัดนั้นจะเป็นลักษระการปัดแบบหยาบๆ
ในการปัดลักษณะนี้นั้นเป็นสิ่งที่สื่อถึงอารมณ์ของศิลปินที่ได้แสดงและถ่ายทอดออกมา โดยศิลปินนั้นก็มีความกลัวและความหวาดระแวงอยู่นั่นเอง ในส่วนขแงภาพวาดนั้นมีความเป็นเอกภาพสูงเนื่องจากเป้นการวาดภาพคนและคนมีลักษระเด่นชัดและอยู่ในจุดตรงกลางของภาพ การใช้สีที่ฉูดฉาดเพื่อให้ภาพวาดนั้นเกิดความรุนแรงและเกิดความรู้สึกมากยิ่งขึ้น
ซึ่งภาพวาดนี้นั้นก็เป็นภาพวาดที่ศิลปินนั้นตั้งใจจะถ่ายทอดอารมร์หวาดกลังหลาดระแวงที่อยู่ภายใต้จิตใจของเขานั้นออกมาโดยผ่านการสร้างสรรค์นั่นเอง
ได้รับการสนับสนุนโดย ทดลองเล่นสล็อต gclub
ทดลองเล่นสล็อต gclubภาพวาด The Scream