ผู้เขียน: adminone
ความเกี่ยวข้องระหว่างศิลปะกับดนตรี
ศิลปะนั้นหากพูดในความหมายขว้างๆก็อาจจะหมายถึงทุกสิ่งที่เกิดจากความสร้างสรรค์ที่มาจากจินตนาการของคนๆหนึ่งซึ่งในบางครั้งมักจะเกิดจากผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะและจึงสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างแตกต่างจากคนอื่นเป็นต้นหรือในบางครั้งศิลปะก็หมายถึงรูปวาดการสร้างสรรค์ผลงานด้านฝีมือ มีความประณีตที่ผู้สร้างสรรค์นั้น
ตั้งใจที่จะถ่ายทอดออกมาและมีคอารมร์และความรู้สึกรวมอยู่ในนั้นด้วยและแน่นอนว่าศิลปะก็รวมถึงการสร้างสรรค์ดนตรีและเพลงต่างๆด้วยเช่นกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นศิลปะกับดนตรีหลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน
หากจะคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิดเพราะถึงแม้จะเป็นการสร้างสรรค่นเดียวกันแต่ในการบวนการการสร้างสรรค์นั้นถือว่ามีความคล่ายคลึงกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะศิลปะนั้นเป็นสิ่งที่มีมากมายหลายประเภทและมีการแบ่งประเภทแยกย่อยออกไปมากมาย ในทางเดียวกันดนตรีและเพลงก็เช่นเดียวกัน และสิ่งนี้จึงทำให้ศิลปะนั้นจึงมักมีความเกี้ยวข้องกับดนตรีอยู่เสมอๆด้วย
การเกิดขึ้นในยุคต่างๆของศิลปะไม่ว่าจะเป็นศิลปะการวาดภาพ การปั้น การหลอม หรือการสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนุ่งก็มักเป็นสิ่งที่เกิดควบคู่มากับดนตรีเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการระบุหรือบันทึกไว้อย่างแน่ชัดว่าแท้จริงแล้วนั้นศิลปะกับดนตรีมีการเกิดขึ้นพร้อมกันจริงหรือไม่แต่ความเป็นไปได้นั้นก็คือศิลปะกับดนตรี
มักเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันนักโบราณคดีมักจะบอกว่าในการสร้างสรรค์ศิลปะในยุคก่อนๆนั้นก็มีการบันทึกเรื่องราวและเหตุการร์ต่างๆไว้ตามผนังถ้ำหรือตามหน้าฝาที่สามารถจะจารึกหรือวาดภาพต่างๆได้ก็มีการแสดงไว้ว่าในการบันทึกเหล่านั้นก็มักจะมีเหตุการร์ในการบ้อมวงและเล่นดนตรีคล้ายกับว่าเป็นดนตรีพื้นบ้านด้วย
ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบนั้นอาจจะไม่ได้มีการะบุอย่างชัดเจนว่าในภาพวาดนั้นคือเครื่องดนตรีอะไรและมีวิธีการใช้เช่นไรก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พอจะทำให้คาดเดาได้ว่าศิลปะและดนตรีนั้นเกิดขึ้นมาในยุคพร้อมๆกันและมีการพัฒนาเจริญเติบโตไปในแต่ละยุคสมัยที่ค่อนข้างจะคล้ายกันอีกด้วย และยังสันิษฐานได่ออีกว่าในยุคที่มีการสร้างสรรค์ศิลปะในช่วงแรกนั้นก็มีการใช้ดนตรีต่างๆ
มาเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสร้างสรรค์ได้เช่นเดียวกับในปัจจุบันที่ผุ้สร้างสรรค์ศิลปินส่วนใหญ่นั้นมักก็จะมีการใช้เสียงดนตรีหรือเครื่องดนตรีต่างๆในการสร้างอารมณ์และความรู้สึกก่อนเพื่อจะสร้างสรรค์และแสดงสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาได้เช่นเดียวกัน เพราะสิ่งนี้คาดว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอนเพราะสิ่งที่ทำกันอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนั้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัยและมีการนำมาพัฒนาเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เอื้ออำนวยประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์นั่นเอง
สนับสนุนโดย ดาวน์โหลด Gclub
Tom of Finland ศิลปินผู้นำเสนอศิลปะ
Tom of Finland ศิลปินผู้นำเสนอศิลปะอัตลักษณ์ของชาวเกย์
คงไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า Tom เป็นผู้มีอำนาจอย่างที่สุดสำหรับการสร้างคาแรคเตอร์ของชาวเกย์ โดยถ่ายทอดอออกมาเป็นรูปภาพ และในรูปภาพของเขาได้จุดแรงจูงใจ และกระแสเรื่องเพศให้กับกรุ๊ปชายรักชาย ที่มีมานานหลังจากสงครามโลก ด้วยการประสมประสานความเป็นผู้ชายแบบสุดขั้ว ทั้งยังจากอำนาจของชุดแต่งกายแบบทหาร ตำรวจ ลูกจ้างก่อสร้าง และเน้นภาพที่เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจนของผู้ชาย ภาพของเขาปล่อยความเครียดที่เกิดขึ้นของคนจากกฎเกณฑ์สังคม แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นอุดมคติเพศวิถีที่สืบเนื่องกันมายาวนานถึงตอนนี้
ชั่วชีวิตของ Tom of Finland เขาสร้างผลงานไว้มากมาย และมีการเผยแพร่เป็นสิ่งพิมพ์นับไม่ถ้วน แถมยังถูกนำไปทำเป็นตราไปรษณียากรของไปรษณีย์ประเทศฟินแลนด์ ถูกนำมาดัดแปลงเป็นโครงเรื่องของหนังผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นหนัง ชื่อของเขาเปลี่ยนมาเป็นมูลนิธิช่วยเหลือนักแสดง ศิลปินที่เป็นเกย์
จุดเปลี่ยนของทอมที่ทำให้สร้างสรรค์ผลงานสไตล์นี้ออกมานั้น แรกเริ่มเดิมทีเขาได้กลายไปเป็นทหารซึ่งร่วมกับข้างของนาซี ตอนปี 1940 ในระยะนี้เองที่สายตาของเขาดันไปโฟกัสอยู่กับชุดแต่งกายแนบเนื้อของสังคมทหาร ที่เป็นชายล้วน
เมื่อจบการทำศึกสงครามนั้น เขาส่งรูปภาพที่เขาวาดขึ้นไปเผยแพร่ในแมกกาซีนอเมริกัน Physique Pictorial ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น แมกกาซีนสำหรับชายเพาะกาย บ่อยครั้งที่เขาได้ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขภาพเหตุการณ์ที่เมื่อมองปกติก็เป็นเพียง กิจกรรมกีฬาเตะบอลกันให้เปลี่ยนเป็นแฟนตาซีทางเพศไปได้ ถัดมายังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมไบค์เกอร์ด้วย
งานของเขาจุดประกายให้คนออกมาแต่งตัวตามความชอบ พยายามเรียกร้องสิทธิที่จะมีร่างกายในแบบที่ตนเองพึงจะมี ต้องการแสดงออกแล้วก็มีเซ็กซ์ลักษณะเดียวกันกับที่ทอมวาด ทั้งยังถูกใช้เป็นเครื่องหมายสำหรับในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของกรุ๊ป LGBTQ+ เหมือนกัน
มีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบใจกับแนวทางการชื่นชมภาพอำนาจความเป็นผู้ชายที่เป็นพิษ ในงานของทอม แต่อย่างไรก็ตาม แม้อ่านงานของเขามากๆ เข้าจะมีความเห็นว่า รูปวาดของทอมนั้นมิได้สนับสนุนขั้วอำนาจดังกล่าวเลยสักนิด
ไอเดียการผลิตภาพที่เกี่ยวกับความเป็นผู้ชายในแบบฉบับที่อิสระ แบบที่ใจของทอมคิดไว้ ถูกส่งต่อกันมาจากศิลปินผู้ที่สังคมในยุคนั้นไม่ได้ยกย่อง สู่วัฒนธรรมที่เป็นอิทธิพลให้กับศิลปินคนอื่นๆ อีกมากมาย นำมาถึงแบรนด์แฟชั่นในยุคนั้นด้วย
นอกจากนี้ไนต์คลับเกย์ทั่วทั้งโลกจากยุโรปถึงทวีปเอเชีย พวกเราจะพบผู้คนที่แต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนของ Tom of Finland เดินไปเดินมาอย่างขวักไขว่ แม้ว่าในปัจจุบันการแต่งตัวของชาวเกย์จะไม่ได้ยึดติดอยู่กับเสื้อกล้ามรัดๆ ตามแบบของทอมแล้ว แต่ว่างานของทอมนั้นก็ยังคงถูกพูดถึงเสมอในแวดวงงานศิลปะ
สนับสนุนโดย Sexy Gaming
ศิลปะจัดสวนแก้ว
การจัดสวนแก้วถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ได้รับความเป็นนิยมในปัจจุบัน ด้วยความสวยงามและสีเขียวของธรรมชาติ ถูกจัดสรร แต่งเติมให้อยู่ในสวนแก้วหรือโหลแก้ว แม้จะมีขนาดถือเล็กแต่ความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่ในสวนแก้วนั้นกลับมีความสวยงาม น่ามองเป็นอย่างยิ่ง
การจัดสวนแก้ว เปรียบเหมือนการออกแบบศิลปะธรรมชาติให้มาอยู่ในสวนแก้วได้อย่างสวยงาม โดยการนำต้นไม้ พืชพันธุ์ไม้และหินต่างๆ มาจัดวางให้เป็นสวนขนาดย่อมที่อยู่ในโหลแก้วได้อย่างสวยงาม บางครั้งอาจมีการจัดสวนประกอบการสร้างเรื่องราวโดยนำตุ๊กตาจำลองมาใส่ และสร้างเป็นบ้านไม้ขนาดเล็ก คล้ายบ้านตุ๊กตา เป็นการจำลองวิถีชีวิตของมนุษย์ลงไปในสวนเหล่านั้นด้วย นอกจากจะทำให้เกิดเป็นศิลปะที่มีความสวยงามแล้วยังเกิดเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามได้อีกด้วย
การจัดสวนแก้วต้องใช้ความสามารถในด้านศิลปะผสานกับความสามารถในการปลูกต้นไม้ หากมีแค่ความสามารถอย่างหนึ่งอย่างใดคงไม่อาจทำให้ศิลปะสวนแก้วเป็นผลงานที่สวยงามได้ จะปลูกต้นไม้โดยปราศจากความคิดสร้างสรรค์ในการจินตนาการภาพเพื่อจัดสวนก็คงไม่ได้ กลับกันถ้ามีความคิดสร้างสรรค์แต่ปราศจากการความรู้ในเรื่องการปลูกต้นไม้ ก็คงไม่สามารถปลูกต้นไม้ให้เจริญงอกงามได้
รูปแบบในการจัดสวนแก้วมีด้วยกันทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่
1.การจัดสวนแก้วแบบแห้ง เป็นการใช้พรรณไม้อวบน้ำในการจัดสวน
2.การจัดสวนแก้วแบบชื้น เป็นการใช้พรรณไม้น้ำในการจัดสวน
วัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดสวนแก้ว
- แก้วหรือโหลใส รูปทรงใดก็ได้ไม่ว่าจะทรงกลม ทรงเหลี่ยม
- ดินและทราย อาจจะใช้ทรายธรรมชาติหรือทรายมีสีก็ได้
- หิน สามารถเลือกใช้เป็นหินประดับที่มีความงดงามก็ได้
- พรรณไม้อวบน้ำและหรือพรรณไม้น้ำ เลือกได้ตามความต้องการของเรา
- ช้อนปลูก
- พู่กัน ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
7.มีดคัตเตอร์และกรรไกร
- ชุดเขียนแบบเพื่อใช้ในการวาดรูปออกแบบสวน ประกอบด้วย กระดาษวาดเขียน ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด
ขั้นตอนการจัดสวนแก้ว
- ออกแบบสวน โดยการเขียนแบบ ซึ่งจะเป็นการจินตนาการขึ้นมาเองหรือจะวาดภาพเลียนแบบจากธรรมชาติก็ได้
- เตรียมวัสดุ/อุปกรณ์ที่จะใช้ในการจัดสวน ประกอบด้วย พรรณไม้ ทราย หิน และอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ
- ทำความสะอาดขวดแก้วหรือโหลแก้ว
- นำทรายโรยลงไปก้นแก้ว ให้ทรายสีความสูงขึ้นจากก้นแก้วเพียงเล็กน้อย
- นำดินลงไปผสม โดยผสมตามชนิดของพรรณไม้ที่จะใช้จัดสวน พยายามไม่ให้ดินปลูกมีความสูงกว่าทราย
- นำทรายมาข้างแก้วตามที่ออกแบบไว้ และตามด้วยดินปลูก ทำสลับกันไปจนกว่าจะเสร็จ)
- นำหินมาวางประดับ หรืออาจนำของตกแต่งอย่างอื่นมาวางประดับด้วย เช่น ตอไม้
- นำหินเกร็ดมาโรยทับดินปลูก และนำแปรงมาปัดหินให้สะอาดเรียบร้อย
- นำน้ำมาฉีดพรมภายในแก้วให้ทั่วถึง
- เช็ดโหลแก้วทั้งภายใน ภายนอกและด้านข้างให้สะอาด
- เมื่อเสร็จแล้วให้นำโหลแก้วไปวางรับแสงแดด
เพียงเท่านี้เราก็จะได้สวนแก้วอันเป็นธรรมชาติขนาดย่อมๆมาไว้ในบ้านเราได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถมอบเป็นของขวัญให้แก่คนพิเศษได้ ที่สำคัญศิลปะจัดสวนแก้วยังช่วยบำบัดสภาพจิตใจได้ด้วย เพราะการที่ได้เห็นสีเขียวจากธรรมชาติจะช่วยผ่อนคลายความเครียด เรียกได้ว่าได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และยังช่วยให้ผ่อนคลายสมองด้วย
ได้รับการสนับสนุนโดย sexybaccarat
ตำนานวัดเทวราชกุญชร
สำหรับวัดเทวราชกุญชรนั้นถูกสร้างขึ้นอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาและอยู่ตรงบริเวณถนนผดุงกรุงเกษม แต่ก่อนที่จะถูกตั้งชื่อว่าวัดเทวราชกุญชรนั้นเดิมวัดแห่งนี้ชื่อว่าวัดสมอแครงซึ่งหลายคนก็คิดว่าสาเหตุที่ตั้งชื่อว่าวัดสมอแครงนั้นเนื่องจากบริเวณพื้นที่วัดแต่เดิมนั้นมีต้นสมอแครงขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง ส่วนตำนานความศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับวัดเทวราชกุญชรนั้นก็คือแม่พวงซึ่งแต่เดิมนั้นในช่วงสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่เธอเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว
แต่ต้องมาเสียชีวิตลงเนื่องจากว่าเธอนั้นเกิดอาการท้องร่วง ซึ่งหลังจากชื่อแม่พวงเสียชีวิตแล้วญาติของเธอได้นำศพของเธอนั้นไปฝังไว้ในสุสานเก๋งจีนของวัด จนมาถึงช่วงประมาณปี 2526 ซึ่งปีดังกล่าวนั้นกรุงเทพฯเกิดน้ำท่วมใหญ่ มีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งได้ฝันว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งมาบอกให้ช่วยเหลือนำร่างของเธอออกจากสุสานเก๋งจีนหน่อย
โดยเธอบอกว่าตอนนี้น้ำท่วมร่างของเธอซึ่งก่อนที่เธอจะหายออกไปจากความฝันนั้นเธอได้บอกเลขสำหรับให้พระสงฆ์องค์ดังกล่าวนั้นเอาไว้ซื้อหวยด้วยและเมื่อพระสงฆ์องค์นั้นตื่นขึ้นมา พระสงฆ์องค์นั้นได้มีการไปซื้อเลขตามที่หญิงสาวที่มาเข้าฝันบอกและเลขดังกล่าวนั้นก็ออกรางวัลจริงๆ และเมื่อพระสงฆ์ถูกหวยแล้วจึงได้ไปค้นหาหลุมศพของหญิงสาวคนดังกล่าวตามที่ได้ฝันไว้และก็พบร่างของหญิงสาวที่ชื่อว่าแม่พวงจริงๆ
ร่างของแม่พวงนั้นยังคงสภาพปกติไม่เน่าไม่เปื่อย ซึ่งเมื่อชาวบ้านได้เห็นดังนั้นก็นำร่างของแม่พวงมาเก็บไว้ที่ศาลาภายในวัดหลังจากนั้นก็นำร่างของแม่พวงใส่โลงแก้วอย่างดีและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านต่างก็มาขอพรกราบไหว้ให้แม่พวงช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่รวมถึงการขอเลขเด็ดจากแม่พวงด้วย
ปัจจุบันนี้ร่างของแม่พวงยังคงอยู่ที่ศาลาภายในบริเวณวัดเทวราชกุญชรและชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นละแวกใกล้เคียงหรือชาวบ้านจากที่อื่นที่มีความศรัทธาในตัวของแม่พวงต่างก็ยังคงเดินทางมากราบไหว้ขอพรและขอโชคลาภจากแม่พวงกันอย่างไม่ขาดสายซึ่งแต่ละคนที่เดินทางมาด้วยความตั้งใจจริงและนับถือแม่พวงจริงๆก็จะได้รับพรจากแม่พุ่มพวงได้เลขเด็ดและได้โชคได้ลาภจากแม่พวงกันถ้วนหน้านั่นเอง
และสำหรับใครที่อยากได้เลขเด็ดก็สามารถเดินทางไปขอเลขจากแม่พวงได้ ซึ่งจะต้องมีการเตรียมดอกไม้รูปเทียนไปไหว้ขอพรกับแม่พวงด้วย และหากใครได้โชคลาภจากแม่พวงแล้วละก็ อย่าลืมกลับไปขอบคุณแม่พวงที่ช่วยเหลือก็แล้วกัน
สนับสนุนเรื่องราวโดย ufabet สมัคร
ตำนานกษัตริย์ฟ้างุ้มแห่งเมืองล้านช้าง
สำหรับเรื่องราวตำนานกษัตริย์ฟ้างุ้มแห่งเมืองล้านช้างนั้นเป็นเรื่องราวของกษัตริย์ที่ดูแลประเทศลาวซึ่งในขณะนั้นแบ่งการปกครองออกเป็นหลายเมืองและหนึ่งในนั้นก็คือเมืองล้านช้างนั่นเองโดยพระมหากษัตริย์องค์นี้ ส่งชื่อว่าฟ้างุ้มพระองค์นั้นเป็นผู้ที่มีความเก่งกาจสามารถส่งมักจะออกรบทำศึกสงครามอยู่เป็นประจำ
และพระองค์นั้นก็จะรบชนะอยู่อย่างต่อเนื่องสำหรับ กษัตริย์ฟ้างุ้มนั้นพระองค์ไม่ได้เก่งด้านการลบอย่างเดียวเท่านั้นแต่พระองค์ยังเป็นบุรุษที่หลงใหลในเรื่องของกามารมณ์เป็นอย่างมากดังนั้นเมื่อว่างจากศึกสงครามพระองค์จึงชอบยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา
ซึ่งถ้าหากพระองค์ถูกใจใครเราก็จะส่งให้ทหารไปจับตัวมาโดยที่พระองค์จะไม่สนว่าหญิงสาวคนนั้นแต่งงานมีสามีแล้วหรือไม่ทำให้เหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายต่างก็ไม่พอใจเนื่องจากว่าหากภรรยาของข้าราชบริพารคนไหนหน้าตาถูกใจพระองค์พระองค์ก็จะกลับมาทำเมียนั่นเอง
โดยที่ไม่สนใจว่าข้าราชบริพารเหล่านั้นจะพอใจหรือไม่ก็ตามสำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับความยุ่งในเรื่องของการบรมของพระองค์นั้นว่ากันว่าพระบางซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์มากองค์หนึ่งในประเทศลาวถูกพระองค์ที่เป็นกษัตริย์แห่งล้านช้างไปทำการอัญเชิญมาจากเมืองเวียงคำหวัง
จะให้มาประดิษฐ์ฐานอยู่ที่เมืองล้านช้างเพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของล้านช้าง แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระบางซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้คงไม่ต้องการที่จะมาอยู่ปกครองเมืองที่มีกษัตริย์อย่างพระเจ้าฟ้างุ้มทำให้เกิดเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจขึ้นเมื่อพระบาง
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ปกติแล้วจะมีคนสามารถเคลื่อนย้ายได้กลับมีน้ำหนักหนักมากจนไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปที่ไหนได้เลยจนในที่สุดกษัตริย์ฟ้างุ้ม ก็ส่งเปลี่ยนใจไม่ย้ายพระบางมาไว้ที่ล้านช้างเนื่องจากว่าไม่สามารถยกพระพุทธรูปองค์นี้ได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามว่ากันว่าเมื่อพระองค์ครองราชย์มาได้ 48 ชันษาพระองค์ก็ถูกข้าราชบริพารและชาวเมืองตากพากันขับไล่พระองค์ออกจากเมือง
เนื่องจากว่าทนพฤติกรรมของพระองค์ที่ทรงไปยุ่งเกี่ยวกับลูกเมียของคนอื่นไม่ได้จนพระองค์ต้องหนีไปที่น่านและสุดท้ายพระองค์ก็ไปเสียชีวิตที่นั่นเองหลังจากที่พระองค์นั้นได้ถูกขับออกเมืองร้านช้างแล้วพระโอรสของพระองค์ซึ่งชื่อว่าพระเจ้าสามเสนไทไตรภูวนารถก็ขึ้นครองราชย์แทน สำหรับพระเจ้าฟ้างุ้มนั้น พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ประชาชน
ต่างก็พากันโกรธแค้น ทำให้ตั้งแต่พระองค์ถูกขับไล่ออกจากเมืองล้านช้าง ก็ไม่สามารถที่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองล้านช้างได้อีกเลย พระองค์ต้องเสียชีวิตอยู่ที่เมืองน่านเพียงคนเดียวลำพัง
ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย เซ็กซี่ บาคาร่า ขั้นต่ำ10บาท
ตำนานเทพเจ้า โพรมีทีอุส
สำหรับเรื่องราวของเทพเจ้าโพรมีทีอุส นั้นว่ากันว่าพระองค์เป็นเทพเจ้าที่คอยช่วยเหลือเรามนุษย์และพระองค์เป็นเทพเจ้าที่ได้นำไฟมาให้มนุษย์ได้รู้จักและนำมาใช้งานได้จนถึงทุกวันนี้โดยตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าโพรมีทีอุสนั้นระบุว่าพระองค์นั้นเป็นบุตรชายของไทรทันไอแอพิทัส และมีมารดาชื่อว่านางคลีเมน ว่ากันว่าเทพเจ้าโพรมีทีอุสนั้นเป็นเทพที่มีความเฉลียวฉลาดมีความเมตตา ซึ่งได้มีการเล่าขานเกี่ยวกับตำนานการสร้างโลกสร้างมนุษย์ของเทพเจ้าขึ้นมาว่าเทพเจ้าโพรมีทีอุส นั้นได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาด้วยการนำดินเหนียวมาปั้นเป็นมนุษย์แต่เทพเจ้าองค์อื่นๆนั้น
ได้มีการสร้างโลกนี้ขึ้นมาทั้งนี้เทพเจ้าโพรมีทีอุส จะเข้าใจถึงจิตใจของมนุษย์ได้มากที่สุดพระองค์เป็นห่วงมนุษย์ดังนั้นพระองค์จึงได้มีการไปขโมยไฟจากเทพเจ้าซุสที่เทือกเขาโอลิมปัสมาให้มนุษย์ใช้งานโดยหวังว่าไฟที่พระองค์ได้ขโมยมานั้นจะมีประโยชน์กับมนุษย์ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่มนุษย์ได้รับไฟล์จากเทพเจ้าโพรมีทีอุส มาแล้วนั้นมนุษย์ก็รู้จักการทำอาหารกินเองการรู้จักใช้ไฟในการล่าสัตว์และพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ดังนั้นเทพเจ้าโพรมีทีอุส จึงเป็นเทพเจ้าที่มนุษย์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามจากการที่พระองค์นั้นได้ไปขโมยไฟของเทพเจ้าซุสมาส่งผลให้เทพเจ้าซุสนั้นโกรธเทพเจ้าโพรมีทีอุส
เป็นอย่างมากจึงได้มีการสั่งให้ทหารนั้นไปจับเทพเจ้าโพรมีทีอุสมาขังเอาไว้ที่เลือกเขาแห่งหนึ่งซึ่งจะอยู่ห่างไกลจากผู้คนมากนักโดยให้มีการนำโซ่มาล่ามเอาไว้ไม่ให้เทพเจ้าโพรมีทีอุส สามารถไปไหนได้อีกทั้งยังมีการสั่งให้อีกามาทำการจิกตามร่างกายของเทพเจ้าโพรมีทีอุส รวมถึงการจิกกินตับจนทำให้เทพเจ้าโพรมีทีอุส ถึงแก่ความตายแต่อย่างไรก็ตามการตายครั้งเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อความสะใจของเทพเจ้าซุสพระองค์นั้นจึงได้สั่งให้อีกานั้นมาจีบและกินตับของเทพเจ้าโพรมีทีอุส
ทุกวันโดยเมื่ออีกากินตับของเทพเจ้าโพรมีทีอุส จนตายแล้วเทพเจ้าซุสก็จะมาทำการชุบชีวิต ให้เทพเจ้าโพรมีทีอุส ฟื้นคืนชีพใหม่อีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้นก็จะมีหน้าที่มาติคและกินตับอีกรอบและเมื่อตายก็จะถูกชุบชีวิตใหม่อีกครั้งเป็นอย่างนี้เรื่อยๆทุกวันทำให้เทพเจ้าโพรมีทีอุส ได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัสซึ่งตามตำนานบอกว่าในที่สุดความทรมานนั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อ เฮอร์คิวริสได้เดินทางผ่านมายังหุบเขาแห่งนั้นและได้เห็นการกระทำของอีกาเฮอร์คิวริส จึงได้ช่วยเหลือเทพเจ้าโพรมีทีอุส ด้วยการใช้ธนูยิงฎีกาตัวนั้นจนถึงแก่ความตายนั้นเอง
ได้รับการสนับสนุนโดย ทางเข้า ufabet ภาษาไทย
ประวัติหลวงปู่ทวดตอนเกิด
หากพูดถึงหลวงปู่ทวดเชื่อว่าเซียนพระยังรู้จักกันเป็นอย่างดีหรือแม้แต่คนที่ไม่ใช่เซียนพระก็ต้องเคยได้ยินชื่อของหลวงปู่ทวดกันมาบ้างอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าหลวงปู่ทวดนั้นมีอายุยาวนานมาแล้วหลายร้อยปีอีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์หากได้ยินชื่อของหลวงปู่ทวดทุกคนต้องได้ยินกิตติศัพท์ว่าหลวงปู่ทวดนั้นสามารถเหยียบน้ำทะเลให้จีบได้วันนี้เราจะมาพูดถึงประวัติของหลวงปู่ทวดช่วงที่หลวงปู่ทวดเกิดมาอย่างนั้นว่ามีเรื่องอันน่าอัศจรรย์ใจอะไรบ้าง
สำหรับหลวงปู่ทวดนั้นเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนพ่อแม่มีอาชีพทำนาเพียงเท่านั้นส่วนนาที่ทำนั้นก็ไม่ได้เป็นนาของตนเองแต่ไปเช่าที่นาของผู้ใหญ่บ้านหรือว่ากำนันแทนซึ่งในช่วงที่หลวงปู่ทวดเกิดมานั้นพ่อแม่ได้พาหลวงปู่ทวดไปเรียนที่นาด้วยโดยมีการผูกเปลเอาไว้กับต้นไม้หลังจากนั้นเมื่อหลวงปู่ทวดหลับพ่อกับแม่ก็จะออกไปทำนาและหากถึงเวลาก็จะมาให้นมหลวงปู่ทวดซึ่งพ่อแม่ก็ทำเป็นประจำอย่างนี้ทุกวันอยู่มาวันหนึ่งในขณะที่หลวงปู่ทวดนั้นกำลังนอนหลับอยู่
ในเปลแม่ได้เดินกลับมาเพื่อที่จะเอานมให้หลวงปู่ทวดกินก็ปรากฏว่าไปเจองูตัวใหญ่มากกำลังพันเลยไปของหลวงปู่ทวดและตัวของมันนั้นก็เลื้อยมาอยู่บนหน้าอกของหลวงปู่ทวดพ่อกับแม่ตกใจเป็นอย่างมากจึงได้มีการตั้งจิตอธิษฐานขอให้งูนั้นไม่ทำอันตรายหลวงปู่ทวดซึ่งเมื่องูเห็นว่าพ่อแม่มีการตั้งจิตอธิษฐานก็มีการรื้อออกไปจากตัวของหลวงปู่ทวดเมื่อแม่มาดูที่ร่างกายของหลวงปู่ทวดก็ไม่พบร่องรอยการถูกงูกัดหรืออันตราย
แต่อย่างใดอีกทั้งตรงบริเวณใต้ตัวของหลวงปู่ทวดนั้นกลับพบว่ามีลูกแก้วลูกหนึ่งอยู่ด้วยซึ่งพ่อกับแม่เชื่อกันว่าลูกแก้วดังกล่าวนั้นเป็นงูซึ่งน่าจะเป็นงูของเทพนำมาให้กับหลวงปู่ทวดเพื่อเป็นการให้พร นั้นเป็นต้นมาครอบครัวของหลวงปู่ทวดก็มีฐานะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซึ่งเรื่องราวนี้รู้ไปถึงหูผู้ใหญ่บ้านที่เป็นเจ้าของที่อยากได้ลูกแก้วลูกนั้นจึงมาขอจากครอบครัวของหลวงปู่ทวด
และพ่อของหลวงปู่ทวดไม่ให้กำนันคนดังกล่าวจึงได้หาทางกลั่นแกล้งแต่เมื่อได้ลูกแก้วไปแล้วขับทำให้กำนันดังกล่าวนั้นประสบกับความล้มเหลวในชีวิตครอบครัวมีอันต้องได้รับความเดือดร้อนจนในที่สุดก็ต้องนำลูกแก้วดังกล่าวกลับมาคืนหลวงปู่ทวดนั่นเอง จนเมื่อหลวงปู่ทวดเติบโตขึ้นพ่อของหลวงปู่ทวดก็ได้มอบดวงแก้วนี้ให้กับหลวงปู่ทวดและเมื่อหลวงปู่ทวดอายุได้ประมาณ 15 ปีพ่อของหลวงปู่ทวดก็นำหลวงปู่ทวดไปบวชเป็นสามเณรและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตของหลวงปู่ทวดก็อยู่ในร่มกาเสาวพักต์นับตั้งแต่นั้นมานั่นเอง
สนับสนุนเรื่องราวโดย ทดลองเล่นบาคาร่า
วิหารกระดูกแห่งเมือง อีโวรา
ที่ประเทศโปรตุเกสมีวิหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นวิหารเก่าแก่มายาวนานวิหารแห่งนี้ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 15 และหากใครไปที่วิหารแห่งนี้บางคนมักจะบอกว่าที่นี่นั้นคือวิหารที่แสดงออกถึงความน่ากลัวแต่บางคนนั้นก็คิดว่าวิหารนี้มีความแปลกประหลาดเป็นอย่างมากสำหรับวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระรูปหนึ่งซึ่งนับถือนิกายฟานซิสกันสำหรับความน่าสะพรึงกลัวของวิหารแห่งนี้ก็เพราะว่าในตำนานของการสร้างวิหารแห่งนี้ระบุเอาไว้ว่าผู้ที่ก่อสร้างวิหารแห่งนี้ได้นำโครงกระดูกของมนุษย์
ซึ่งมีมากกว่า 5 พันคนด้วยกันนำมาสร้างเป็นวิหารแห่งนี้ขึ้นมาและเท่านั้นยังไม่พอความน่ากลัวไม่ใช่เพียงแค่โครงกระดูกที่มีกว่า 5000 คนถูกนำมาสร้างเป็นวิหารเท่านั้นแต่ภายในวิหารซึ่งจะอยู่ทางด้านผนังจะมีซากศพจำนวน 2 คนถูกแขวนห้อยเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อใครได้มาเห็นซากศพทั้งสองร่างนี้ต่างก็พากันหวาดกลัวด้วยกันทั้งนั้นแต่อย่างไรก็ตามซากศพทั้งสองร่างนี้ก็เปรียบได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้นักบวชที่มานั่งทำสมาธิในวิหารแห่งนี้
ได้เกิดการปลงต่อสร้างสังขารของมนุษย์ได้อย่างไรก็ตามมีตำนานพูดถึงเรื่องของ ซากศพของทั้งสองร่างนี้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรถึงทำให้ร่างของทั้งสองคนนั้นจำเป็นต้องมาถูกห้อยอยู่ในผนังของวิหารแทนที่จะอยู่ในหลุมฝังศพเหมือนกับคนอื่นทั่วไป สำหรับตำนานวิหารกระดูกของเมืองอีโวรา นี้มีการเล่ากันว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งเธอมีสามีและลูกชายโดยหญิงสาวผู้นี้เป็นหญิงสาวที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกและเธอค่อนข้างที่จะเคร่งในศาสนาของเธอเป็นอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่งเธอได้เกิดมีปากเสียงกับสามีของเธออย่างรุนแรงโดยสามีของเธอนั้นเป็นคนที่มีอารมณ์โมโหร้ายนอกจากจะมีเรื่องทะเลาะกันสามีแล้วลูกชายของเธอยังเข้าข้างพ่อของเขาคนทั้งคู่ได้ทำการทารุณกรรมเธอด้วยการทุบตีเธอจนในที่สุดเธอก็เสียชีวิตแต่ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตนั้นเธอได้ทำการสาปแช่งคนทั้งคู่เอาไว้โดยคำสาปแช่งของเธอนั้นระบุเอาไว้ว่าเมื่อคนทั้งคู่ตายเมื่อไหร่
พวกเขาจะไม่มีที่ฝังดิน มีพื้นดินกลบหน้าของพวกเขาได้และคำสาปแช่งนั้นก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อลูกคู่นี้ได้เสียชีวิตลงชาวบ้านได้ช่วยกันนำศพของพวกเขาไปทำการฝังศพตามพิธีกรรมทางศาสนาแต่ปรากฏว่าไงว่าชาวบ้านจะพากันช่วยขุดดินตรงบริเวณไหนก็แล้วแต่พวกเขาก็มักจะขุดไปเจอแต่ก้อนหินอยู่ภายใต้ดินไม่สามารถที่จะนำศพลงไปฝังได้จนในที่สุดชาวบ้านจึงได้มีการนำศพของพ่อลูกคู่นี้ไปแขวนไว้ตรงเรือนผนังโบสถ์แทน
โดยระบุว่าเพื่อที่จะได้ให้นักบวชนั้นได้รู้สึกปลงกับสังขารที่ไม่เที่ยงของมนุษย์แต่ถ้าที่จริงแล้วเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถหาที่ฝังศพให้กับพ่อลูกคู่นี้เท่านั้นเอง
สนับสนุนโดย gclub ฟรีสปิน
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
สำหรับวันวิทยาศาสตร์นั้นโดยปกติแล้วจะตรงกับวันที่ 18 เดือนสิงหาคมของทุกปีโดยปกติแล้ววันวิทยาศาสตร์นั้นไม่ค่อยจะมีบทบาทอะไรกับประชาชนทั่วไปมากนักแต่จะมีบทบาทกับนักวิทยาศาสตร์และนักเรียนนักศึกษาซึ่งในวันวิทยาศาสตร์นั้นทุกคนก็จะต้องมีการจัดกิจกรรมภายในโรงเรียนโดยนำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องวิทยาศาสตร์มาแสดงให้กับนักเรียนนักศึกษาในโรงเรียนได้ชมกันอย่างไรก็ตามสำหรับการกำหนดวันวิทยาศาสตร์ครั้งแรกว่าตรงกับวันที่ 18 สิงหาคมนั้น
สืบเนื่องมาจากตั้งแต่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขนาดนั้นยังไม่มีวันวิทยาศาสตร์แต่อย่างใดแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยมีการทำนายพยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องของวันสุริยุปราคาเต็มดวงซึ่งพระองค์ทำนายล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จริงไว้ 2 ปีโดยพระองค์ทำนายว่าวันที่ 18 เดือนสิงหาคมปีพ.ศ๒๔๑๑
จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงขึ้นและแน่นอนว่าสถานที่ที่จะเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงได้ก็คือบริเวณเกาะการที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์รวมถึงที่ปราณบุรี และจังหวัดชุมพรก็จะสามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงนี้ด้วยดังนั้นเมื่อถึงวันที่ 18 สิงหาคมตรงกับที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการทำนายเอาไว้ประชาชนจึงได้เดินทางไปตามจุดที่พระองค์เคยทำนายเอาไว้ นั่นก็คือ ที่เกาะจาน รวมถึงพระองค์เอง
ก็ได้เดินทางไปยังเกาะจานด้วยเช่นเดียวกัน เพราะพระองค์อยากเห็นด้วยตาของพระองค์เองซึ่งในขณะนั้นมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้ดำเนินการเป็นตัวแทนไปทำการสร้างค่ายและที่ประทับไว้รอให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประทับดูสุริยุปราคาอีกครั้งในวันดังกล่าวนั้นยังมีนักดาราศาสตร์จากประเทศฝรั่งเศสและยังมีเจ้าเมืองของประเทศสิงคโปร์ร่วมไปดูพร้อมกัน
กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในวันดังกล่าวนั้นเกิดสุริยุปราคาขึ้นจริงๆตามที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงทำนายและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทำให้ทางสมาคมวิทยาศาสตร์ได้มีการกำหนดวันที่ 18 เดือนสิงหาคมเป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ และได้มีการกำหนดให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และจากเหตุการณ์ที่ไปดูสุริยุปราคาเต็มดวงในครั้งนั้นที่หมู่บ้านอำเภอบ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ก็ได้มีการจัดตั้งสถานที่แห่งนั้นเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์ ซึ่งที่นั่นได้มีการทำพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโปรดให้มีการทำกิจกรรมต่างๆมากมายเกี่ยวกับเรื่องของพวกรวมดาว
อีกทั้งยังได้ทรงให้สร้างหอดูดาวเอาไว้ที่จังหวัดเพชรบุรีอยู่บนเขาวังซึ่งการก่อสร้างในครั้งนั้นมีการก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมปีพศ 2403 และนับตั้งแต่พระองค์ทรงสนใจศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องของดาราศาสตร์พระองค์ก็สามารถเห็นดาวหางได้ถึง 3 ดวงเล็กอันนั้นได้แก่ดาวหาง ฟลูเกอร์กูส ดาวหางโดนาติ ดาวหางเทพบุท
ได้รับการสนับสนุนโดย สูตร เซ็กซี่ บาคาร่า ฟรี 2020
จุดเริ่มต้นการเข้าสู่วงการศิลปะ
ธันวาคม 9, 2020
ศิลปะ
ปิดความเห็น บน จุดเริ่มต้นการเข้าสู่วงการศิลปะ
adminone
โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นผู้ที่เป็นศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะนั้นมักจะถูกถามด้วยคำถามนี้เสมอว่า ทำไมถึงมาเป็นศิลปินหรืออะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขานั้นมาเดินทางสายอาชีพศิลปินนี้ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมักจะไม่ค่อยมีใครจำได้มากนักว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือมันมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนไหนหรือจากอะไร
แต่สิ่งเหล่านี้สิ่งที่เป็นศิลปะนั้นจะรู้ตัวอีกทีก็คือพวกเขาชอบที่จะทำและมีความสุขกับการทำสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว ทำให้จุดเริ่มต้นในวงการศิลปะนั้นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการเข้าสู้วงการก็น่าจะเป็นในเรื่องของความชอบในการสร้างสรรค์และชอบจินตนาการและต้องการถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมาให้คนนอกหรือผู้อื่นรับรู้นั่นเองและเมื่อทำสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อยๆก็จะเกิดความความเคยชินและมีการพัฒนาสิ่งเหล่านั้นและกลายเป็นความสุขเมือได้ทำสิ่งเหล่านี้ในทุกๆวันเป็นต้น
ถึงแม้คำถามจากผู้คนมากมายว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการศิลปะนั้นจะเป้นคำถามที่ซึ่งมาได้คำตอบที่ยาก แต่เชื่อว่าศิลปินและผู้สร้างสรรค์หลายคนก็มักจะมีจุดเริ่มต้นไม่ต่างกันมากนักและจุดเริ่มต้นต่างๆเหล่านั้นก็เป้นที่มีของการเป็นศิลปินระดับอาชีพหรือเป็นศิลปินระดับแถวหน้าของประเทศและของโลกได้ ในวงการศิลปะนั้นมีมากมายหลายแขนง
แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นในครั้งแรกนั้นไม่ใช่ว่าศิลปินนั้นจะเข้ามาและเจอสิ่งที่ใช่หรือศิลปะที่ชอบเลยในครั้งแรก ความชอบทางด้านศิลปะสามารถมีการเปลี่ยนแปลงไปได้อยู่เสมอ เมื่อเมื่อเรานั้นได้เข้าถึงและรู้จักกับศิลปะมากขึ้นเราก็จะได้รู้ว่าศิลปะนั้นมีมากมายหลายรูปแบบหลากหลายประเภทและเมื่อเราได้ลงมือทำสิ่งเหล่านั้นเราจะค้นพบว่าในบางครั้งการสร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบอื่นๆนั้น
ก็มีความสนุกไม่แพ้กัน ดังนั้นแล้วจุดเริ่มต้นของวงการศิลปะจึงเป็นจุดเริ่มต้นเล้กๆที่มักจะเกิดจากความชอบในงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการชมการสร้างสรรค์การจิตนาการต่างๆ เป็นต้น เมื่อเกิดความชอบแล้วสิ่งต่อมาก็คือการเรียนรู้เมื่อชอบเราก็อยากที่จะรู้ว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือมีความเป็นมาอย่างไรนั่นเอง
ก็ทำให้เรารู้จักศิลปะมากขึ้นและนี่ก้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเข้าสู่วงการ เพราะการที่เราจะเข้าสู่วงการศิลปะได้นั้นก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายวงการศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว ผันแปรได้เสมอ เพราะศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับจินตนาการ อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ ในช่วงที่เข้าสู่วงการศิลปะได้นั้นหลังจากนั้นอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
เพราะหากเมื่อเราต้องทำศิลปะเป็นงานก็ต้องดูว่าเรานั้นยังมีความสุขอยู่ไหมและสิ่งนี้ถือว่าเป็นปลายทางของจุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการศิลปะนั่นเอง เพราะถ้าหากเมื่อเข้าไปแล้ว เราจะต้องทำงานสิลปะซ้ำไปซ้ำมาแล้วเราไม่เกิดความสุขสุดท้าแล้วนั้นศิลปะก็ไม่ใช่ตัวตนของเรานั่นเอง แต่วงการศิลปะถือว่าเป็นวงการที่เปิดโอกาสให้คนมากมายให้ได้ค้นว่าว่าศิลปะนั้นคือตัวตนของเราหรือไม่
ดังนั้นแล้วการจะเริ่มต้นเพื่อเข้าสู่วงการศิลปะนั้นก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เลยและไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลาเพราะสุดท้ายแล้วถ้าหากศิลปะไม่ใช่ตัวตนของเราอย่างน้อยศิลปะก็อาจจะเป็นตัวช่วยในการขัดเกลาจิตใจของเราอยู่ช่วงหนึ่งได้นั่นเอง
ได้รับการสนับสนุนโดย www.ufabet.com เริ่มเดิมพัน
www.ufabet.com เริ่มเดิมพันจุดเริ่มต้นการเข้าสู่วงการศิลปะ